STAINLESS STEEL

สแตนเลส คืออะไร?

สแตนเลส คือ โลหะไร้สนิม มีความแข็งแรง ทนทานสูงคล้ายเหล็ก เพิ่มเติมคือทนการกัดกร่อนได้ ทำให้ไม่เป็นสนิม ในอีกชื่อนึงจึงถูกเรียกว่า “เหล็กกล้าไร้สนิม” สแตนเลสมีส่วนผสมของเหล็กและคาร์บอน ทำให้แข็งแรงเหมือนเหล็ก แต่ไม่เป็นสนิม ด้วยการเป็นโลหะที่สามารถสร้างฟิล์มโครเมียมออกไซด์อยู่ที่ผิวหน้าและสามารถสร้างฟิล์มใหม่ทดแทนได้เองแม้จะถูกทำลาย ทำให้มีความสามารถในการต้านทานการเกิดสนิมได้ดี จึงทำให้สแตนเลสเป็นโลหะที่ทรงคุณค่า และสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย

เนื่องจากสแตนแลส เป็น โลหะผสม (Ferrous Alloy) ระหว่างเหล็กกับสารหลายชนิด ส่วนผสมที่ทำให้สแตนเลสมีคุณสมบัติแตกต่างกันหลักๆ มีดังนี้ครับ

  • สารโครเมี่ยม เป็นสารผสมหลักที่จะทำให้เหล็กมีคุณสมบัติในการทนทานต่อการเกิดสนิม และการกัดกร่อนต่างๆ
  • สารนิเกิ้ล ช่วยเสริมความต้านทานในการเกิดสนิม และทำใก้สแตนเลสไม่ดูดแม่เหล็ก
  • สารโมลิดินั่ม ทำให้สแตนเลส มีความต้านทานในการเกิดสนิมสูงขึ้น และความคงทนต่อสารเคมี เช่น คลอรีน เป็นต้น
  • สารคาร์บอน เป็นตัวเพิ่มความแข็งให้กับสแตนเลส ถ้ามีคาร์บอนน้อย สแตนเลสก็จะมีความเหนี่ยวเพิ่มขึ้นแทน

     สแตนเลสที่ใช้อยู่กันในปัจจุบันนั้น มีมากมาย หลากหลายเกรด หลายประเภท ขึ้นอยู่กับ ส่วนผสมของเนื้อสแตนเลส คุณสมบัติ การใช้งาน และราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งนิยมนำมาผลิตในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ทางการแพทย์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งต่าง ๆ

ใช้สแตนเลสทำอะไรได้บ้าง?

XXXXX

สแตนเลสแต่ละเกรดต่างกันยังไง?

💥สแตนเลส แต่ละเกรดมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ซึ่งหลักๆที่นิยมใช้ จะเป็น SUS 304,SUS 430, SUS 316 แต่วันนี้ ผมจะพาทุกท่านมาดูคุณสมบัติของสแตนเลสแต่ละเกรดที่มีหลากหลายมาฝากกันครับ
 
ช้อนสแตนเลส

สแตนเลส 430

อุปกรณ์ทั่วไป

สแตนเลส

สแตนเลส 304

ขึ้นรูปได้ เชื่อมดี ทนทาน

สแตนเลส 316

สแตนเลส 316

ทนสารเคมี ห้องทดลอง เครื่องมือแพทย์

สแตนเลส 304

🚨สแตนเลสเกรด 304
 
สแตนเลสเกรด 304 หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เหล็กกล้าไร้สนิม” ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มออสเทนนิติก
 
ที่มีความต้านทานทนทานต่อการกัดกร่อนสูงมาก ๆ เพราะสแตนเลสเป็นโลหะผสมที่มีส่วนผสมระหว่างเหล็กและคาร์บอน ส่วนประกอบนั้นจะมีปริมาณคาร์บอนค่อนข้างต่ำ แต่มีโครเมียมเป็นส่วนผสมหลักประมาณ 10.5-18% หรือมากกว่านั้น จึงทำให้เหล็กสามารถสร้างชั้นฟิล์มโครเมียมออกไซด์ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าออกมาเกาะบนผิวของเหล็กในปริมาณที่หนาแน่น ทำให้ผิวของเหล็กนั้นมีความต้านทานต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อน สามารถหล่อขึ้นรูปเย็นได้ดี หากชั้นฟิล์มที่ผิวของเหล็กถูกทำลายไม่ว่าจะจากสารเคมี หรือออกซิเจนที่มีอยู่ในอากาศ จะมีการสร้างฟิล์มด้วยปฏิกิริยาของโครเมียมขึ้นมาทดแทนใหม่อย่างสม่ำเสมอหรือเข้าใจง่าย ๆ คือสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ตลอดเวลานั่นเอง มักนิยมนำมาใช้ทำอุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องแล็บ โรงพยาบาล อุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบอาหารเนื่องจากไม่เป็นสนิม ไม่ดูดซึมกลิ่น ไม่ดูดซึมสารเคมี หรือรสชาติอาหาร มีอายุการใช้งานที่ยาวนานในแบบที่ซื้อใช้ก็ใช้จนลืมวันที่ซื้อกันเลยทีเดียว ทั้งยังปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ ดูแลรักษาง่าย ทำความสะอาดง่ายอีกด้วย
 
สแตนเลส 304 ถูกสร้างขึ้นจาก โลหะ (Metal) โดยมีส่วนผสมหลักคือ เหล็กกล้า (Fe) 70-75%, โครเมี่ยม (Cr) 18%, นิกเกิล (Ni) 8%, และยังมีส่วนผสมอื่นๆร่วมด้วย โดยสแตนเลส 304 นั้น มีความแข็งแรงในระดับกลาง ทนต่ออุณหภูมิได้สูงถึง 1400 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว ส่วนผสมต่างๆเหล่านี้ เมื่อเกิดปฎิกิริยากับออกซิเจนในอากาศแล้ว จะสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบบริเวณผิวของสแตนเลส และยังมีความสามารถพิเศษ ในการซ่อมแซมตัวเอง ได้ตลอดเวลา
 
ด้วยคุณสมบัติของตัวเคลือบผิวนี้ จึงทำให้สแตนเลส 304 ทนต่อการกัดกร่อนสูง ไม่เป็นสนิม ไม่ดูดซึมสาร กลิ่น หรือ รสชาติของอาหาร ทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการนำไปใช้กับอาหารนั้น ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะอนามัย อย่างแน่นอน และนอกจากนี้ การดูแลรักษา การทำความสะอาด ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
 
 
💥 วิธีสังเกตสแตนเลสเกรด 304 ว่าเป็นสแตนเลสประเภทนี้จริงหรือไม่ มีข้อสรุปดังนี้
 
1.การใช้น้ำยาทดสอบ ควรใช้น้ำยาสำหรับทดสอบธาตุแมงกานีสหยดลงบนผิวสแตนเลสเพื่อทดสอบ และหากน้ำยาเปลี่ยนเป็นสีแดง หรือสีชมพูอ่อน นั่นแสดงว่าสแตนเลสนั้นไม่ใช่แสตนเลสเกรด 304 อย่างแน่นอน
 
2.การใช้แม่เหล็กดูดเพื่อทดสอบ วิธีนี้ไม่ได้ผล 100% เพราะอาจเกิดความคลาดเคลื่อนจากการขึ้นรูป ดัดส่วนโค้งต่าง ๆ ทำให้แม่เหล็กสามารถดูดติดนั่นเอง
 
💥 คุณสมบัติของสแตนเลสเกรด 304
 
1. มีความแข็งแรงทนทานเนื่องจากมีจุดหลอมเหลวสูงกว่าเหล็กปกติทั่วไป
 
2. ทนทานต่อการเกิดสนิม
 
3. ทนต่อการกัดกร่อน แต่สแตนเลสแต่ละประเภทก็มีข้อแตกต่างกันตามโลหะหรือธาตุที่ผสมเข้าไป ตัวอย่างเช่น ถ้ามีกรดในโลหะที่ผสมเข้าไปน้อยจะต้านทานการกัดกร่อนได้แค่ทั่วไป แต่กลับกันหากมีกรดในโลหะมากจะสามารถต้านทานการกัดกร่อนได้เกือบทั้งหมด ทั้งในบรรยากาศหรือสารเคมีต่าง ๆ
 
4. ทำความสะอาดและดูแลรักษาง่ายเพราะด้วยคุณสมบัติเด่นที่ไม่เป็นสนิม และมีความเป็นกลางสูงไม่ดูดซึมสารเคมี กลิ่น รสชาติอาหารต่างๆ
 
5. มีความสวยงาม เพราะสแตนเลสมีเนื้อที่เรียบ เงางาม และวัสดุบางชิ้นถ้าผ่านการชุบเคลือบผิวด้วยเคมีไฟฟ้ายิ่งทำให้สแตนเลสมีความสวยงามมากขึ้นไปอีก

สแตนเลส 430

สแตนเลสเกรด 430
เป็นสแตนเลสที่คล้าย เกรด 304 แม่เหล็กดูดติด เพราะะไม่มีสารนิเกิ้ล และยังมีคุณสมบัติในการป้องกันสนิมได้ดี (แต่น้อยกว่าเกรด 304)
 
สแตนเลสเกรด 430 นี้จะมีคาร์บอนด์สูงถึง 0.12% จึงมีความแข็งแกร่งสูงกว่าสแตนเลสเกรด 304 และ 316 เหมาะกับการรับแรงสูงกว่า เพราะปกติสแตนเลสมักจะมีความเหนียวมากกว่าความแข็ง ในกรณีที่สารคาร์บอนสูงกว่า 0.15% จะกลายเป็นเกรด 420 ซึ่งมีความแข็งที่เหมาะสำหรับทำอุปกรณ์ชุดครัวในเรื่องการตัดหั่นต่างๆ เช่น ทำมีดต่างๆ เป็นต้น
เพราะฉะนั้น สแตนเลส 430
มีความต้านทานการกัดกร่อนได้ดี
ขึ้นรูปได้ดี (ใกล้เคียงกับ 304)
แม่เหล็กดูดติด
นำความร้อนได้ดี
ความเงาน้อยกว่า
ราคาต่ำกว่า สแตนเลส 304
อย่างไรก็ดี การเลือกสินค้าที่ผลิตจากสแตนเลส ไม่ว่าจะเกรดอะไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความเหมาะสมเป็นสำคัญ หากลูกค้าไม่มั่นใจ และต้องการปรึกษา ทางเรายินดีครับผม

สแตนเลส 316

🚨สแตนเลสเกรด 316
 
👉 ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี หากสภาพแวดล้อมการใช้สแตนเลสมีฤทธิ์กัดกร่อนสูงให้ใช้สแตนเลสเกรด 316 ครับ
👉 กันน้ำได้ดี หากสภาพแวดล้อมเปียก มีความชื้นสูง มีน้ำขัง สแตนเลส 316 ก็จะมีประสิทธิภาพที่ดีในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ครับ
👉 แข็งแรงและแข็งกว่าสแตนเลสเกรดอื่น หากต้องการความแข็งแรงและความแข็ง สแตนเลส 316 เป็นตัวเลือกหลักที่ดีเลย ทั้งนี้ต้องดูที่ลักษณะงานที่ใช้ประกอบเป็นหลักด้วยนะครับ
👉 ขึ้นรูปยากกว่าเกรด 304 สแตนเลสเกรด 316 มีปริมาณโมลิบดีนัมสูง จึงทำให้การขึ้นรูปยากกว่าเกรด 304 ครับ
👉 ราคาสูงกว่า เนื่องจากคุณสมบัติของสแตนเลสเกรด 316 ที่ทนการกัดกร่อน กันน้ำ และแข็งแรงกว่าสแตนเลสเกรดอื่น

_______

สแตนเลส 304 VS 430 ต่างกันยังไง?

สแตนเลส 304 vs 430

🚨304 และ 430 เป็นโลหะผสมสแตนเลสที่นิยมใช้กันมากที่สุด มีความแตกต่างและคล้ายคลึงกันตามนี้

สแตนเลส 304 

มีความแข็งแรงในระดับกลาง

ส่วนผสมต่างๆเหล่านี้ เมื่อเกิดปฎิกิริยากับออกซิเจนในอากาศแล้ว จะสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบบริเวณผิวของสแตนเลส และยังมีความสามารถพิเศษ ในการซ่อมแซมตัวเอง ได้ตลอดเวลา ด้วยคุณสมบัติของตัวเคลือบผิวนี้ จึงทำให้สแตนเลส 304 มีคุณสมบัติ

    • ทนต่ออุณหภูมิได้สูงถึง 1400 องศาเซลเซียส
    • ทนต่อการกัดกร่อนสูง
    • ไม่เป็นสนิม
    • ไม่ดูดซึมสาร กลิ่น หรือ รสชาติของอาหาร
    • ขึ้นรูปได้ดีกว่า
    • สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน
    • จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการนำไปใช้กับอาหารนั้น ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะอนามัย อย่างแน่นอน
    • นอกจากนี้ การดูแลรักษา การทำความสะอาด ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

สแตนเลสเกรด 430 เป็นสแตนเลสที่คล้าย เกรด 304 แต่จะไม่มีสารนิเกิ้ล

จึงทำให้แม่เหล็กดูดติด และมีคาร์บอนด์สูงถึง 0.12% จึงมีความแข็งแกร่งสูงกว่าสแตนเลสเกรด 304 และ 316 เหมาะกับการรับแรงสูงกว่า โดยสรุป สแตนเลส 430 มีคุณสมบัติ

    • ต้านทานการกัดกร่อนได้
    • ขึ้นรูปได้
    • แม่เหล็กดูดติด
    • นำความร้อนได้ดี
    • ความเงาน้อยกว่า
    • ราคาต่ำกว่า สแตนเลส 304

อย่างไรก็ดี การเลือกสินค้าที่ผลิตจากสแตนเลส ไม่ว่าจะเกรดอะไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความเหมากะสมเป็นสำคัญ หากลูกค้าไม่มั่นใจ และต้องการปรึกษา ทางเรายินดีครับผม

สแตนเลสเกรด 304 กับ 316 เลือกอันไหนดี?

SUS 304 vs 316

💥สแตนเลสเกรด 304 กับ 316 เลือกอันไหนดี?

ทางเราสรุปไว้ให้แล้ว ดังนี้ครับ

👉 หากต้องการใช้ในการขึ้นรูป : สแตนเลสเกรด 316 มีปริมาณโมลิบดีนัมสูงกว่าซึ่งเป็นอันตรายต่อการขึ้นรูป ดังนั้นสแตนเลสเกรด 304 จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครับ

👉 หากคุณมีงบประมาณที่จำกัด : สแตนเลสเกรด 304 มีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสแตนเลส 316 ดังนั้น เกรด 304 จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

👉 หากสภาพแวดล้อมมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง : แนะนำสแตนเลส 316 จะทนต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่าสแตนเลส 304 แน่นอนครับ

👉 หากสภาพแวดล้อมเปียก : สแตนเลส 316 ก็จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำขังมากกว่าสแตนเลส 304 อีกเหมือนกันครับ

👉 หากต้องการความแข็งแรงและความแข็ง : สแตนเลส 316 มีความแข็งแรงและแข็งกว่าสแตนเลส 304 แต่ก็ต้องดูที่ลักษณะงานที่ใช้ประกอบเป็นหลักด้วยนะครับ

ประเภทของสแตนเลสและคุณสมบัติ

🚨การแบ่งกลุ่มสแตนเลสมีอยู่ 5 ประเภท คือ

    1. กลุ่มออสเทนนิติค (Austenitic)
    2. กลุ่มเฟอร์ริติค (Ferritic)
    3. กลุ่มมาร์เทนซิติค (Martensitic)
    4. กลุ่มดูเพล็กซ์ (Duplex Stainless Steel)
    5. กลุ่มเพิ่มความแข็งด้วยการตกผลึก

 

🚨กลุ่มออสเทนนิติค (Austenitic)
เป็นสแตนเลสชนิดที่ใช้งานอย่างแพร่หลาย มีส่วนผสมของโครเมียมประมาณ 16–22% คาร์บอนไม่เกิน 0.15% และมีการผสมนิกเกิลเข้าไปอีกด้วยประมาณ 8 -14% เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติ และเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน
 
สำหรับรุ่นสแตนเลสสตีล ที่พบได้บ่อยในกลุ่ม ออสเทนนิติค คือ SS304 เป็นรุ่นที่ ผสมระหว่าง โครเมี่ยม 18% และนิคเกิล 8% หรือจะเรียกว่าสแตนเลส 18–8
 
และสแตนเลสรุ่น 200 อาจจะผสมแมงกานีส และไนโตรเจนแทน นิคเกิล เพื่อทำให้ราคาถูกลง
 
💥คุณสมบัติสำคัญของสแตนเลสสตีลกลุ่ม ออสเทนนิติค
-ทนต่อการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม
-สามารถขึ้นรูปและประกอบได้ดีมาก
-ใช้กับงานที่เกี่ยวข้องกับคึวามสะอาดและอนามัยได้ดี
แข็งแรง และยืดหยุ่นสูง
-แม่เหล็กดูดไม่ติด
-ทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่เย็นจัดจนถึงประมาณ 600°C
-รุ่นสแตนเลสที่พบได้ในกลุ่มออสเทนนิติค คือ SS200 Series, SS304, SS316 , SS304L, SS316L
 
 
🚨กลุ่มเฟอร์ริติก (Ferritic) สแตนเลสคืออะไร?
 
เฟอร์ริติกสเตนเลสหมายถึงสแตนเลสที่มีเนื้อหาโครเมียม 10.5% ~ 30% และไม่มีนิกเกิล เกรดหลัก ได้แก่ 405, 409, 410, 430, 434,439, 441, 445, 446, 447 ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ 409, 410, 430 ซีรีส์ สเตนเลสเฟอริติกมีโครเมียมมากกว่าสเตนเลสสตีลออสเทนนิติกซึ่งมีราคาถูกกว่าและสามารถใช้เป็นวัสดุทางเลือกสำหรับเหล็กกล้าไร้สนิม 304 หรือ 200 ซีรีส์ ตามเนื้อหาโครเมียมมันสามารถแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม: Cr10% ~ 15%, Cr16% ~ 20% และ Cr21% ~ 30%
 
10% -14% Cr: 409 、 410L
409, 410 มีปริมาณโครเมียมต่ำที่สุดและถูกที่สุดในสเตนเลสเฟอร์ริติกทุกตัวเหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการกัดกร่อนหรือการกัดกร่อนเพียงเล็กน้อยและสนิมเล็กน้อยในพื้นที่ Type 409 เดิมถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับท่อไอเสียรถยนต์ 410L ปริมาณคาร์บอนต่ำสแตนเลส, ส่วนเชื่อมของประสิทธิภาพการดัด, ประสิทธิภาพการประมวลผล, ความต้านทานต่อการเกิดออกซิเดชันที่อุณหภูมิสูง, มักจะใช้ในอุปกรณ์การอบไอน้ำไอเสียรถยนต์, ห้องเผาไหม้หม้อไอน้ำ, หัวฉีด, ตู้คอนเทนเนอร์, รถบัสและรถโค้ชเป็นต้น ในปีที่ผ่านมายังใช้เป็นกรอบจอแสดงผล LCD
 
14% -18% Cr: 430 、 430Ti、 439、434、436、444
430 เป็นเหล็กกล้าไร้สนิมเฟอร์ริติคที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและโครเมียมที่สูงกว่าจะช่วยป้องกันการกัดกร่อนได้ดีขึ้น ในบางแอปพลิเคชันสามารถแทนที่ได้ด้วย 304 การใช้งานทั่วไป ได้แก่ ลูกกลิ้งเครื่องซักผ้าแผงภายในอุปกรณ์ครัวอุตสาหกรรมอาหาร ฯลฯ
 
430Ti และ 439 มีองค์ประกอบที่ทำให้เสถียร Ti และ Nb ซึ่งมีความสามารถในการเชื่อมและขึ้นรูปได้ดี การใช้งานทั่วไปรวมถึงอุตสาหกรรมอาหารเครื่องมือในครัวเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (น้ำตาลพลังงาน ฯลฯ ) ระบบไอเสียรถยนต์ (เวลาให้บริการนานกว่า 409) และชิ้นส่วนเชื่อมของเครื่องซักผ้าแม้แทนที่ 304 สำหรับการใช้งานที่ต้องการมากขึ้น 430Ti มีประสิทธิภาพในการเชื่อมที่ดีกว่าความต้านทานการกัดกร่อนตามขอบเกรนที่ดีขึ้นประสิทธิภาพในการขึ้นรูปลึกดีขึ้นส่งผลกระทบต่อความเหนียวที่ดีกว่าและอุณหภูมิการเปลี่ยนเปราะน้อยกว่าสแตนเลส 430 Type 439 มักจะพบในการตกแต่งอาคาร, ระบบไอเสียรถยนต์และทรงกระบอกด้านในของเครื่องซักผ้า สแตนเลส 441 มีความต้านทานต่ออุณหภูมิสูงได้ดีและโดยทั่วไปจะใช้ในส่วนท่อร่วมไอเสียและท่อด้านหน้าของท่อร่วมไอเสีย 434, 436 และ 444 มีโมลิบดีนัมมากขึ้นและมีความต้านทานการกัดกร่อนที่สูงขึ้นในหมู่ที่ 444 มีความต้านทานการกัดกร่อนเกือบจะเหมือนกับ 316 การใช้งานทั่วไปคือถังน้ำร้อน, เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์, ระบบไอเสียรถยนต์, กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า แถบตัดและแผงกลางแจ้ง
 
18% -30%: 446、445 / 447Cr
Superferrite สแตนเลส 446, 445/447 มีโครเมียมและโมลิบดีนัมมากขึ้นความต้านทานการกัดกร่อนและความต้านทานการเกิดออกซิเดชันดีกว่า 316 มีความต้านทาน Cl ion pitting ดี การใช้งานทั่วไปรวมถึงชายฝั่งและสภาพแวดล้อมที่ทนต่อการกัดกร่อนสูงอื่น ๆ
 
🚨สเตนเลสตระกูลมาร์เทนซิติก (Martensitic)
 
เป็น ตระกูลที่มีความต้านทานการกัดกร่อนน้อยกว่าออสเทนนิติก และเฟอร์ริติก แต่มีความทนทานและแข็งแรงมากกว่า มีคุณสมบัติดูดแม่เหล็ก โดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของโครเมียม 12 -14 เปอร์เซนต์ โมลิบดินัม 0.2-1 เปอร์เซนต์ มีนิกเกิ้ล 0-2 เปอร์เซนต์และมีคาร์บอนผสม อยู่ประมาณ 0.1-1 เปอร์เซนต์ ซึ่งสามารถชุบแข็งได้โดยการให้ความร้อนแล้วทำให้เย็นตัวอย่างรวดเร็วและอบ คืนตัว โดยทั่วไปจะรู้จักกันใน “ซีรี่ส -00”
สามารถ นำไปใช้ในงานที่ต้องการความทนทานและมีความแข็ง เช่น ทำใบมีด เครื่องมือผ่าตัด ตัวยึด กระสวยหรือแกนเพลา หัวฉีด เพลา และสปริง โดยทั่วไปผลิตออกมาในรูปเป็นท่อนแบน แผ่น และงานหล่อ ตัวอย่าง สเตนเลสเกรดมาร์เทนซิติก ทั่วไป
 
🚨เหล็กกล้าไร้สนิมหรือสแตนเลสดูเพล็กซ์
 
มีโครงสร้างจุลภาคสองเฟสซึ่งประกอบด้วยเหล็กกล้าไร้สนิมเฟอร์ริติกและออสเทนนิติก เฟสออสเทนนิติกเป็น “เกาะ” ล้อมรอบด้วยเฟสเฟอร์ริติก เมื่อเหล็กกล้าไร้สนิมดูเพล็กซ์หลอมละลายมันจะแข็งตัวจากเฟสของเหลวไปเป็นโครงสร้างเฟอร์ริติกอย่างสมบูรณ์ เมื่อวัสดุเย็นลงจนถึงอุณหภูมิห้องเมล็ดพืชเฟอริติกประมาณครึ่งหนึ่งจะเปลี่ยนเป็นเมล็ดออสเทนนิติก (“ เกาะ”) ผลลัพธ์ที่ได้คือโครงสร้างจุลภาคของออสเทนไนต์ประมาณ 50% และเฟอร์ไรต์ 50%
 
ความแข็งแรง : เหล็กกล้าไร้สนิมดูเพล็กซ์มีความแข็งแรงมากกว่าเหล็กกล้าไร้สนิมออสเทนนิติกหรือเฟอร์ริติกทั่วไปประมาณสองเท่า
 
ความเหนียวและความเหนียว : เหล็กกล้าไร้สนิมดูเพล็กซ์มีความเหนียวและความเหนียวดีกว่าเกรดเฟอร์ริติกอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามพวกเขาไปไม่ถึงค่าที่ดีเยี่ยมของเกรดออสเทนนิติก
 
ความต้านทานการกัดกร่อน : เช่นเดียวกับเหล็กกล้าไร้สนิมความต้านทานการกัดกร่อนส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของสแตนเลส สำหรับการต้านทานการกัดกร่อนของคลอไรด์และการกัดกร่อนตามรอยแยกปริมาณโครเมียมโมลิบดีนัมและไนโตรเจนมีความสำคัญมากที่สุด เกรดสเตนเลสสตีลดูเพล็กซ์มีความต้านทานการกัดกร่อนในระดับต่างๆเช่นเดียวกับช่วงของสเตนเลสออสเทนนิติกเช่นจากประเภท 304 หรือ 316 (เช่น LDX 2101 ©) ถึง 6% โมลิบดีนัม (เช่น SAF 2507 ©) เหล็กกล้าไร้สนิม
 
ความต้านทานการแตกร้าวการกัดกร่อนของความเครียด:เหล็กกล้าไร้สนิมดูเพล็กซ์แสดงความต้านทานการแตกร้าวการกัดกร่อนของความเครียด (SCC) ที่ดีมากซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ “สืบทอด” มาจากด้านเฟอร์ริติก SCC อาจเป็นปัญหาภายใต้สถานการณ์บางอย่าง (คลอไรด์ความชื้นอุณหภูมิที่สูงขึ้น) สำหรับออสเทนนิติกมาตรฐานเช่นประเภท 304 และ 316
 
ค่าใช้จ่าย : เหล็กกล้าไร้สนิมดูเพล็กซ์มีส่วนผสมของนิกเกิลและโมลิบดีนัมต่ำกว่าชิ้นส่วนออสเทนนิติกที่มีความต้านทานการกัดกร่อนใกล้เคียงกัน เนื่องจากปริมาณการผสมที่ต่ำกว่าเหล็กกล้าไร้สนิมดูเพล็กซ์อาจมีต้นทุนต่ำกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีการคิดค่าบริการโลหะผสมสูง นอกจากนี้มักเป็นไปได้ที่จะลดความหนาของส่วนของเหล็กกล้าไร้สนิมดูเพล็กซ์เนื่องจากความแข็งแรงของผลผลิตที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเหล็กกล้าไร้สนิมออสเทนนิติก การผสมผสานสามารถนำไปสู่การประหยัดต้นทุนและน้ำหนักได้อย่างมากเมื่อเทียบกับสารละลายในเหล็กกล้าไร้สนิมออสเทนนิติก
 
🚨กลุ่มเพิ่มความแข็งโดยการตกผลึก (Precipitation hardening)
มีโครงสร้างเริ่มต้นเป็นออสเทนนิติกเมื่อผ่านการอบอ่อนที่อุณหภูมิ 1030 °C แล้วปล่อยให้เย็นตัวในอากาศจะเปลี่ยนโครงสร้างไปเป็นมาเทนไซต์ จากนั้นนำไปตกผลึกแข็งที่อุณหภูมิช่วง 500-600 °C แล้วปล่อยให้เย็นตัวในอากาศอีกครั้ง จะทำให้ได้โครงสร้างมาแทนไซด์สมบูรณ์แบบ จะมีเม็ดเกรนละเอียดกว่าเดิม มีความเหนียวสูง
 
สเตนเลสกลุ่มนี้มีส่วนผสมของโครเมียม 15-18% และนิกเกิล 3.00-7.75% เมื่อเพิ่มความแข็งแรงโดยกลไกเพิ่มความแข็งจากการตกผลึก (Precipitation hardening mechanism) จะสามารถเพิ่มความแข็งแรงสูงมาก มีค่าความเค้นพิสูจน์ (Proof stress) อยู่ระหว่าง 1,000 – 1,500 เมกาปาสคาล (MPa) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและกรรมวิธีการปรับปรุงคุณสมบัติด้วยความร้อน (Heat treatment)
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของสเตนเลสกลุ่มนี้ จึงมักนำไปใช้ทำชิ้นส่วนพวก วาร์ว ข้อต่อ เฟือง เพลา ชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมเคมี และชิ้นส่วนในเครื่องบิน
ตัวอย่างของชนิดสเตนเลสในกลุ่มนี้ ได้แก่ 630 631 และ 17-4PH

วิธีเลือกสแตนเลสให้เหมาะกับการใช้งาน

เครื่องครัวสแตนเลส
👉การเลือกใช้หรือซื้อสแตนเลส❗️
 
หากต้องการใช้สแตนเลสให้คุ้มค่าและเหมาะสมกับการใช้งาน ผมแนะนำว่าควรมีความรู้พื้นฐานสักเล็กน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้ครับ
 
🎗ความรู้เกี่ยวกับวัสดุ ความรู้จะช่วยการตัดสินใจไม่เกิดปัญหาผิดพลาด และใช้จ่ายอย่างเหมาะสมครับ
 
🎗ความรู้เรื่องเกรดของวัสดุ เลือกใช้เกรดวัสดุถูกต้อง ลดความเสี่ยง ช่วยลดหรือประหยัดจากการใช้วัสดุราคาแพงได้
 
🎗ความรู้ในการออกแบบ การออกแบบที่ดีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการประกอบ
 
🎗ความรู้ในการตกแต่งผิว การตกแต่งผิวทำให้ดู สวยงาม และมีราคาเพิ่มขึ้น
 
🎗การประยุกต์ใช้ในงานตกแต่งหรืองานเครื่องใช้ภายในบ้าน ใช้เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงหรือแก้ไข
 
🎗การใช้การวางแผนการผลิต การวางแผนการผลิตจะช่วย ประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์
 
โดยเราได้สรุป 8 สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกใช้สแตนเลส ดังนี้ครับ
 
1. คุณภาพสแตนเลส
ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ และความแข็งแรงของเหล็ก ความแข็งแรงสูงมากสามารถทำได้ด้วยสเตนเลสสตีลมาร์เทนซิติก  ในขณะที่สเตนเลสออสเทนนิติกยังมีนิกเกิลมากกว่าสแตนเลสอื่น ๆ ถึง น้ำหนักและค่าใช้จ่ายของเหล็กก็แตกต่างกันไป แต่คุณควรได้รับเหล็กที่จำเป็นสำหรับสายงานของคุณ
 
2. ขึ้นรูป
     ความสามารถในการขึ้นรูปเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการเลือกเกรดเหล็กกล้าไร้สนิม หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงเกรดที่เปราะเกินไปและจะตอบสนองไม่ดีต่อการถูกจัดการในกระบวนการต่างๆ เช่นการดัดโค้งหรือการสร้างรูปร่างหลีกเลี่ยงกลุ่มตีลมาร์เทนซิติกของเหล็กกล้าไร้สนิมและเลือกเหล็กกล้าไร้สนิมออสเทนนิติก
 
3. การรักษาความร้อน
     เกรดเหล็กที่แตกต่างกันตอบสนองต่อการรักษาความร้อนที่แตกต่างกัน ดังนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทราบว่าสแตนเลสเกรดต่างๆจะได้รับผลกระทบอย่างไรจากความร้อน เหล็กกล้าไร้สนิมออสเทนนิติกและสเตนเลสเฟอร์ริติกไม่สามารถชุบแข็งได้  หากคุณต้องการการชุบแข็งคุณอาจต้องพิจารณาการตกตะกอนและเหล็กกล้ามาร์เทนซิติก
 
4. เครื่องจักรกล
เหล็กกล้าไร้สนิมส่วนใหญ่สามารถกลึงได้  อย่างไรก็ตามกระบวนการตัดเฉือนจะต้องปรับให้เหมาะสมและเครื่องมือที่ใช้สำหรับการตัดเฉือนจะต้องเก็บไว้ในสภาพการทำงานที่ดี  ซัลเฟอร์สามารถเพิ่มความสามารถในการเเปรรูป แต่นั่นจะลดความสามารถในการขึ้นรูป
 
5. ความต้านทานการกัดกร่อน
สแตนเลสมักถูกเลือกให้มีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อน อย่างไรก็ตามโลหะผสมต่าง ๆ สามารถทนต่อสภาวะต่าง ๆ ได้  ยกตัวอย่างเช่นสเตนเลสออสเทนนิติกโดยทั่วไปให้ความต้านทานการกัดกร่อนมากที่สุดและสเตนเลสเฟอริติกและมาร์เทนซิติกมักจะมีราคาที่ถูกกว่าสเตนเลสออสเทนนิติก
 
6. ความสามารถในการเชื่อม
การเชื่อมเหล็กสแตนเลสอาจเป็นปัญหาเนื่องจากความเครียด การแตกร้าวและการกัดกร่อนของสแตนเลส สแตนเลสที่ใช้งานได้มากที่สุดมักอยู่ในกลุ่มออสเทนนิติก  แต่เฟอริติกสามารถเชื่อมได้และสแตนเลสมาร์เทนซิติกมักไม่เหมาะสำหรับการเชื่อม
 
7. การใช้งานทั่วไป
    บางครั้งวิธีที่ดีที่สุดในการค้นหาเกรดสเตนเลสที่เหมาะสมคือดูว่ามีการใช้งานในอดีต
 
8. ราคา
   ตรวจสอบให้แน่ใจว่าต้นทุนของวัสดุอยู่ภายใต้งบประมาณของคุณ คุณต้องมองหาทั้งต้นทุนเริ่มต้นและต้นทุนระยะยาว

อยากได้งานสวยต้องดูผิวสแตนเลส

สแตนเลส 2B

2B

ผิวมัน

สแตนเลส no.1

No.1

ผิวด้าน

No.4

ขนแมว

สแตนเลส HL

HL

Hairline(แฮร์ไลน์)

SUS BA

BA

ผิวเงา

SUS No.8

No.8

Mirror

แผ่นสแตนเลสผิว 2B เป็นผิวที่นิยมใช้มากที่สุดในตลาด มีความสวยงามปานกลาง เป็นผิวสแตนเลสปกติที่ผ่านกระบวนการรีดเย็น และ ขัดเงาปานกลาง ลักษณะผิวออกมันๆเงาๆ แต่ไม่เงาจนเห็นเงาสะท้อน
👉มีขนาด 4’x8’ , 4’x10’ , 5’x10’
👉มีความตั้งแต่ 0.4 มิล จนถึง 3.0 มิล
 
แผ่นสแตนเลสผิว NO.1 เป็นสเปคที่มีความหนามากและผิวด้าน นิยมใช้กับงาน ที่ไม่ค่อยเน้นความสวยงามเท่าไรนักแต่ต้องการความเเข็งแรง ข้อดีของแผ่นสแตนเลสชนิดนี้คือราคาถูกกว่าผิวอื่นๆ
👉มีขนาด 4’x8’ , 4’x10’ , 5’x10’ , 5’x20’
👉มีความตั้งแต่ 3.0 มิล จนถึง 30.0 มิล
 
แผ่นสแตนเลสผิว NO.4 เป็นผิวที่ได้รับความนิยมในการใช้ในงานตกเเต่งภายใน หรืองานที่ต้องการเน้นความสวยงามของผิว เช่นเดียวกับผิว HL เลยแต่ลายเส้นจะสั้นกว่า ข้อดีของผิว NO.4 คือเมื่อจับแล้วจะไม่เกิดรอยนิ้วมือที่สร้างความรำคาญให้แก่ผู้ใช้ และไม่ต้องคอยเช็ดบ่อยๆเมื่อเกิดรอยนิ้วมือ ลักษณะงานที่เห็นผิว HL ได้บ่อย อย่างเช่น ราวบันได ราวกันตก
👉มีขนาด 4’x8’ , 4’x10’ , 5’x10’ 
👉มีความตั้งแต่ 0.5 มิล จนถึง 3.0 มิล
 
แผ่นสแตนเลสผิว HL เป็นผิวที่ได้รับความนิยมในการใช้ในงานตกเเต่งภายใน หรืองานที่ต้องการเน้นความสวยงามของผิว ข้อดีของผิว HL คือเมื่อจับแล้วจะไม่เกิดรอยนิ้วมือที่สร้างความรำคาญให้แก่ผู้ใช้ และไม่ต้องคอยเช็ดบ่อยๆเมื่อเกิดรอยนิ้วมือ ลักษณะงานที่เห็นผิว HL ได้บ่อย อย่างเช่น ราวบันได ราวกันตก
👉มีขนาด 4’x8’ , 4’x10’ , 5’x10’ 
👉มีความตั้งแต่ 0.5 มิล จนถึง 3.0 มิล
 
แผ่นสแตนเลสผิว BA เป็นผิวที่นิยมใช้อย่างมากในตลาด เนื่องจากมีความเงามากสามารถเห็นเงาสะท้อนได้ นิยมใช้กับงานที่ต้องการความสวยงาม เช่นงานตกเเต่ง แต่หากต้องการผิวเงาขึ้นกว่านี้จะมีผิวเงากระจกหรือ NO.8 ให้เลือก
👉มีขนาด 4’x8’ , 4’x10’
👉มีความหนาตั้งแต่ 0.4 มิล จนถึง 1.5 มิล
 
แผ่นสแตนเลสผิวมิลเลอร์ NO.8 เป็นผิวเงากระจก มีความเงามากที่สุดในบรรดาทุกผิวและราคาเเพงที่สุด นิยมใช้กับงานที่ต้องการความสวยงามของพื้นผิวอย่างมาก
👉มีขนาด 4’x8’ , 4’x10’ , 5’x10’ 
👉มีความตั้งแต่ 0.5 มิล จนถึง 3.0 มิล
 
🚨เคลือบปิดผิวสแตนเลส (Protection Film)
ดังนั้นหากงานที่ใช้สแตนเลสเน้นความสวยงามของผิว ทางเราแนะนำให้เคลือบด้วยฟิล์ม PVC สีฟ้า, สีขาวดำ สำหรับการปกป้องผิวสเตนเลสที่ไม่ให้เกิดรอยจากการขนส่ง หรือ กระบวนการแปรรูปต่างๆเช่นการตัด พับ ม้วน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเช่นกันครับ
 

แผ่นสแตนเลสกันลื่น ต้องใช้ลายอะไร?

ลายกันลื่น ตีนไก่ ตีนเป็ด
แผ่นลายกันลื่นสแตนเลส นิยมนำไปใช้ปูพื้นต่างๆ และสามารถกันลื่นได้ มี 2 ลาย ดังนี้ครับ
 
    • ลายตีนเป็ด SUS 304, SUS 316 ผิว 2B มีขนาดไซส์ 4’x8′ และ 5’x10′ ความหนา ตั้งแต่ 1.0 mm. จนถึง 2.0 mm.
    • ลายตีนไก่ SUS 304, SUS 316 ผิว 2B, No.1 มีขนาดไซส์ 4’x8′ และ 5’x10′ ความหนา ตั้งแต่ 1.0 mm. จนถึง 6.0 mm.

สิ่งที่ไม่ควรทำกับผิวสแตนเลส!

❌อย่าเคลือบสแตนเลสด้วยขี้ผึ้งหรือสารที่มีความมัน เพราะจะทำให้ฝุ่นหรือรอยเปื้อนติดบนพื้นผิวได้ง่ายขึ้นและทำความสะอาดออกได้ยาก

❌อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของคลอไรด์ ( Chlorides) และ เฮไลด์ ( Helides) เช่น โบรไมน์ ( Bromine) ไอโอดีน ( Iodine) และ ฟลูออรีน (Fluorine)

❌อย่าใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาดสแตนเลส

❌อย่าใช้กรดไฮโดรคลอริค ( HCI) ในการทำความสะอาด เพราะจะทำให้เกิดการกัดกร่อนแบบรูเข็มและแบบเป็นรอยร้าวได้ ( Pitting and Stress Corrosion Cracking)

❌อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่แน่ใจ

❌อย่าใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องเงิน

❌อย่าใช้ปริมาณสบู่และผงซักฟอกมากเกินไปในการทำความสะอาด เพราะอาจทิ้งคราบไว้บนพื้นผิวได้

❌อย่าทำความสะอาดส่วนที่มีคราบฝังแน่นในขั้นตอนเดียว ควรทำความสะอาดเบื้องต้นก่อนขจัดคราบฝังแน่น

วิธีการดูแลรักษาสแตนเลส

ล้างสแตนเลส

เรามีวิธีทำความสะอาดสแตนเลส ให้คุณนำไปดูแลรักษาสแตนเลสได้ง่าย ๆ ดังนี้ครับ

👉รอยเปื้อน : รอยนิ้วมือ
วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : ล้างด้วยสบู่ ผงซักฟอก หรือสารทำละลาย เช่น แอลกอฮอล์ หรือ อะซีโตน ( Acetone) แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นจนสะอาด จากนั้นเช็ดให้แห้ง

👉รอยเปื้อน : น้ำมัน
วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : ล้างด้วยสารละลายไฮโดรคาร์บอน / ออร์กานิก (เช่น แอลกอฮอล์) แล้วล้างออกด้วยสบู่ /ผงซักฟอกอย่างอ่อน และน้ำ ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง แนะนำให้จุ่มชิ้นงานให้โชกก่อนล้างในน้ำสบู่อุ่น ๆ

👉รอยเปื้อน : สี
วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : ล้างออกด้วยสารละลายสี ใช้แปลงไนล่อนนุ่ม ๆ ขัดออก แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็คให้แห้ง

👉เปลี่ยนสีเนื่องจากความร้อน
วิธีทำความสะอาดสแตนเลส :ทาครีม (เช่น บรัสโซ) ลงบนแผ่นขัดที่ไม่ได้ทำจากเหล็ก แล้วขัดคราบที่ติดบนสแตนเลสออก ความร้อนขัดไปในทิศทางเดียวกันกับพื้นผิว ล้างออกด้วยน้ำเย็น และเช็ดให้แห้ง

👉รอยเปื้อน : ฉลากและสติ๊กเกอร์
วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : แช่ ในน้ำสบู่ร้อนๆ ก่อนจะลอกฉลากและทำความสะอาดกาวที่ติดอยู่ออกด้วยเมทิลแอลกอฮอล์ ( Methylated Spirit) หรือน้ำมันเบนซิน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสบู่หรือน้ำผสมผงซักฟอก ล้างออกอีกทีด้วยน้ำร้อน เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดเนื้อนุ่ม

👉รอยเปื้อน : รอยน้ำ ตะกรัน
วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : รอยที่เห็นชัดสามารถลบเลือนได้ด้วยการแช่ไว้ในน้ำส้มสายชู 25% หรือกรดไนตริก 15% จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ตามด้วยน้ำสบู่หรือน้ำผสมผงซักฟอก และล้างออกอีกครั้งด้วยน้ำร้อนให้สะอาด เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดเนื้อนุ่ม

👉รอยเปื้อน : สารแทนนิน (จากชาหรือกาแฟ)
วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : ล้าง ด้วยน้ำร้อนผสมโซดาซักผ้า (โซเดียมไบคาร์บอเนต) จากนั้นล้างตามด้วยน้ำสบู่หรือน้ำผสมผงซักฟอก ล้างออกด้วยน้ำร้อนให้สะอาด เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดเนื้อนุ่ม

👉รอยเปื้อน : คราบสนิม
วิธีทำความสะอาดสแตนเลส : แช่ส่วนที่ขึ้นสนิมในน้ำอุ่นผสมสารละลาดกรดไนตริกในสัดส่วน 9:1 เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือทาพื้นผิวที่ขึ้นสนิมด้วยสารละลายกรดออกซาลิก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็นและเช็ดให้แห้งหรือ ในกรณีของคราบสนิมที่ติดทนและยากต่อการกำจัด อาจต้องใช้เครื่องจักรช่วยขัดทำความสะอาด